• ร้านค้าอย่างเป็นทางการของ บ. ไซโก ประเทศไทย จำกัด
  • ของแท้ 100%
  • ส่งฟรีทั่วประเทศ
  • รับประกัน 3 ปี
Shopping Cart
0 items -฿0.00

Seiko Real Thai Collection

Inspired from Thai culture in 4 regions

เฉลิมฉลองครบรอบความสําเร็จ 30 ปี บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) อย่างยิ่งใหญ่
กับโมเดลสุดเอกซ์คลูซีฟแห่งปี ไซโก “เรียลไทย” คอลเลคชั่น
แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทยใน 4 ภูมิภาค 

อาจพูดได้ว่า “ไซโก” เป็นคําที่คุ้นหูมาตั้งแต่สมัยที่เริ่มจำความได้ เพราะเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่อยู่คู่คนไทยมาทุกยุค ทุกสมัย SEIKO เป็นภาษาญี่ปุน ที่แปลว่า “นาที” “ความดีเยี่ยม” และ “ความสําเร็จ” โดย SEIKO เป็นชื่อแบรนด์นาฬิกาสัญชาติ ญี่ปุ่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการนาฬิกา จนประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ เพราะเป็นแบรนด์นาฬิกาข้อมือแบรนด์แรกของญี่ปุ่นที่ริเริ่มผลิต นาฬิกาควอตซ์จนทําให้เกิดยคุ Quartz Crisis และเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาดําน้ำ ไทเทเนียมรุ่นแรกของโลก รวมถึงนวัตกรรมอื่นๆอีกมากมาย 

ไซโก นั้นไม่ได้เป็นแค่โรงงานผลิตนาฬิกา แต่เป็น House of Watchmaking ที่ผลิตทุกชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยแบรนด์เองและมีช่างผู้ชำนาญการที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของนาฬิกาซึ่งเป็นดังงานฝีมือชั้นเยี่ยมและยังคงยึดถือตลอดมา แม้ในปัจจุบัน จะมีนาฬิกาแบรนด์อื่นๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ Seiko ยังยึดคติ Keep Going Forward ซึ่งหมายถึงการไม่หยุดพัฒนาและก้าวต่อไปอยู่เสมอ โดยในปี 2021 นี้ แบรนด์ Seiko ในระดับ Global เองยังได้เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส ครบ 140 ปี และมีรุ่นพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นจากรุ่นที่โด่งดังในตำนานเพื่อย้อนระลึกถึงความสำเร็จในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลากหลายรุ่นด้วยกัน

ปี 2021 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสพิเศษของแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครบรอบ 140 ปีเท่านั้น เพราะสำหรับ ไซโก ประเทศไทย เองก็ถือเป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” เช่นกัน โดยในปี 2564 หรือ ปี 2021 นั้น ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ได้ครบรอบการดำเนินกิจการในเมืองไทยมาครบ 30 ปีเช่นกัน หากใครเป็นแฟนไซโกกันมาตั้งแต่ยุคต้นๆที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้นต้องขอบอกคำเดียวเลยว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่าง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับวงการนาฬิกาในประเทศไทย

ความพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นในปี 2021 นี้ ก็เพื่อขอบคุณแฟนๆชาวไทยในทุกภูมิภาคของประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ นาฬิกา ไซโก และสินค้าในเครือด้วยดีเสมอมา เพราะหลากหลายความสำเร็จที่ทำให้สินค้า โดยเฉพาะ Thailand Limited Edition  เป็นที่จดจำและโด่งดังไปทั่วโลกนั้น ส่วนสำคัญเกิดขึ้นจากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆและนักสะสมชาวไทยที่ทำให้เกิดกระแส และได้รับการยอมรับจนโด่งดังไปทั่วโลก ยกตัวอย่างจากความสำเร็จในอดีต เช่น Seiko Prospex รุ่นที่นักสะสมชาวไทยขนานนามว่า “ไซโก มอนสเตอร์” หรือ “ไซโก ซี มอนสเตอร์” ปีศาจที่มีชื่อที่เรียกติดปากไปทั่วโลกจากแฟนๆชาวไทยจนญี่ปุ่นนำกลับมาผลิตเป็น โมเดลหลักและวางขายจนถึง ณ ปัจจุบัน หรือแม้รุ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักเดินทางแห่งท้องทะเลอย่าง Seiko Prospex  Zimbe Limited Edition หรือ ฉลามวาฬ ก็เป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังรุ่นต่อๆมาที่นักสะสมนาฬิกาทั่วโลกต่างชื่นชมและอยากมีไว้ในครอบครอง และหากยังไม่นับถึง ไทยแลนด์ ลิมิเตด เอดิชั่น รุ่นอื่นๆ ที่หลายๆตัวก็ถูกพูดถึงอยู่ไม่น้อย

ISAN : PHI TA KHON (SPB247J)

Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition

ภาคอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ): ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)

จากเทศกาลงานบุญอันโด่งดังและมีเอกลักษณ์ของภาคอิสาน รังสรรค์เป็นชิ้นงาน ที่สะท้อนสีสันแห่งวัฒนธรรม “ผีตาโขน”

“อีสานบ้านเฮา” ถิ่นกำเนิดของเทศกาลประเพณีแห่ “ผีตาโขน” เป็นหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่ที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” เล่ากันว่าเทศกาลนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก “มหาเวสสันดรชาดก” เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรี

จะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง เหล่าผีป่าและสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนเพี้ยนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” ในปัจจุบัน โดยถือเป็นประเพณีที่จะจัดขึ้นทุกปีที่พระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย จังหวัดเลย จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก

  ด้วยความมีเอกลัษณ์ของเทศกาลนี้จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการนำสีสันของเครื่องแต่งกายผีตาโขนมาออกแบบตกแต่ง นาฬิการุ่นพิเศษบนตัวเรือนแบบ “ซูโม่”  ซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกของโมเดลที่ผลิตในญี่ปุ่นและนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นรุ่นแรกๆ โดยให้สีสันขอบตัวเรือนสีดำแดงตัดกับ สเกลและหลักชั่วโมงสีทองที่ได้รับแรงบันดาลใจตามสีสันของหน้ากากและเครื่องแต่งกายของ ผีตาโขน

แพทเทิร์นหน้าปัดแบบพิเศษที่มีเส้นสายเหมือนลวดลายของงานหัตถกรรมเครื่องจักรสาน ฝาหลังประทับสัญลักษณ์ลวดลายของหน้ากากผีตาโขน พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือนที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่สีแดงเข้ม
ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ “หน้ากากผีตาโขนสีทอง”
พร้อมสายยางคุณภาพ โดยเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 28 สิงหาคม 2564 นี้  สนนราคา 39,800 บาท

SPB247J
[Caliber 6R35]

Limited edition จำนวน 1,991 เรือน

วางจำหน่ายแล้ววันนี้
จำนวนจำกัด

ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko SPB247J

Calibre : 6R35 อัตโนมัติ สามารถขึ้นลานได้ด้วยมือ

Accuracy : +45 -35 วินาทีต่อวัน

Power Reserve : 70 ชั่วโมง

Water Resistance : 200 เมตร

Case Material : สเตนเลสสตีล

Case Size : 45 มิลลิเมตร

Glass Material : กระจกแซฟไฟร์

ราคา : 39,800 บาท

SOUTH : NUNG TA  LUNG (SRPG55K)

Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition

ภาคใต้  : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)

ความสวยงามของท้องทะเลไทย ที่โด่งดังไกลไปทั่วโลกอัตลักษณ์และศิลปะวัฒนธรรมจาก “หนังตะลุง”เมืองใต้

ความสวยงามของท้องทะเลไทย เป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะความสวยงามของท้องทะเลทางภาคใต้ที่เคยเผยโฉมแม้ภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ผนวกกับหนึ่งในมหรสพที่เป็นศิลปะวัฒนธรรมการแสดงท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ บอกเล่าและขับร้องเป็นสำเนียงท้องถิ่น และใช้การแสดงเงาฉายไปบนจอผ้า อย่างหนังตะลุงที่ทำให้เกิดความสนุกสนานพร้อมตัวละครดังอย่าง “อ้ายเท่ง”

ทั้งความโดดเด่นทางด้านภูมิทัศน์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาไซโก ภายใต้รหัส SRPG55K ที่เลือกใช้สีน้ำเงินและฟ้าครามของท้องทะเลทางภาคใต้มาเป็นสีหลัก บนตัวเรือนท๊อปฮิตที่แฟนๆขนานนามว่า “มอนสเตอร์” หน้าปัดแบบซันเรย์มีการเล่นเหลือบแสงเงาสีสันของน้ำทะเลในวันฟ้าใสสะท้อนตา ชุดเข็มประดับสีทองเพิ่มความหรูหรา ฝาหลังประทับสัญลักษณ์ตัวละครเด่นของหนังตะลุงเอาไว้ พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือน ตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย

มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่สีฟ้าน้ำทะเล ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ตัวละครในหนังตะลุงสีทองพร้อมสายยางคุณภาพสีน้ำเงิน โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน ตุลาคม 2564 นี้  สนนราคาราว 23,800 บาท

SRPG55K
[Caliber 4R36]

Limited edition จำนวน 1,991 เรือน

วางจำหน่ายแล้ววันนี้
จำนวนจำกัด

ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko SRPG55K

Calibre : 4R36 อัตโนมัติ สามารถขึ้นลานได้ด้วยมือ

Accuracy : +45 -35 วินาทีต่อวัน

Power Reserve : 41 ชั่วโมง

Water Resistance : 200 เมตร

Case Material : สเตนเลสสตีล

Glass Material : กระจกแซฟไฟร์

Case Size : 42.4 มิลลิเมตร

ราคา : 23,800 บาท

NORTH : KHOM YEE PENG (SRPH35K)

Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary

Limited Edition

ภาคเหนือ  : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)

ตระการตาด้วยความสวยงามของโคมลอยนับพันบนท้องฟ้า ในงานประเพณี “ยี่เป็ง” ณ แดนดินถิ่นล้านนา

“สวัสดีเจ้า คือคำทักทายในภาษาเหนือที่มีความอ่อนช้อยและจัดว่าไพเราะที่สุดในบรรดาภาษาพื้นเมืองทั้งหมดก็ว่าได้ ในทางเหนือนั้นจะมีเทศกาลหนึ่งที่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจโดยเฉพาะตัว อย่างงานประเพณีที่เรียกว่า “ยี่เป็ง” หรือเรียกว่า “ประเพณีเดือนยี่” ของชาวล้านนา เทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนไปถึงทางเหนือของประเทศไทยทุกๆ ปี เทศกาลนี้เป็นการลอยกระทงแบบล้านนาในคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยนั้นเป็นการบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือบ้างก็เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ หรือสะเดาะเคราะห์ ให้เกิดความเป็นมงคลแก่ชีวิต ซึ่งคำว่า ยี่ แปลว่า สอง และเป็ง หมายถึง เพ็ญ หรือพระจันทร์เต็มดวงนั่นเอง

ความสวยงามของโคมนับพันบนท้องฟ้าในคืนวันเพ็ญนั้น ถูกนำมาถ่ายทอดลงบนนาฬิกา Seiko King Turtle หรือตัวเรือนที่มีรูปทรงเหมือนกระดอง  “เต่า” หน้าปัดทรงกลมคือตัวแทนของโคมลอยที่มีลักษณะโค้งมน ภายใต้รหัส SRPH35K ขอบหน้าตัวเรือนแบบเซรามิกสีดำรับกับสเกลสีส้มและสีครีมดูตัดกันอย่างกลมกลืน หน้าปัดเล่นระดับการไล่สีส้มกลืนไปกับขอบสีดำ สื่อถึงความสวยงามของแสงไฟในโคมลอยบนท้องฟ้าในคืนวันเพ็ญ ฝาหลังประทับสัญลักษณ์รูปโคมล้านนา พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่น้ำเงินเข้ม ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ ”โคมล้านนา” สีทอง พร้อมสายยางคุณภาพสีส้ม โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน ธันวาคม 2564 นี้ สนนราคาราว 27,800 บาท

SRPH35K
[Caliber 4R36]

Limited edition จำนวน 1,991 เรือน

วางจำหน่ายแล้ววันนี้
จำนวนจำกัด

ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko SRPH35K

Calibre : 4R36 อัตโนมัติ สามารถขึ้นลานได้ด้วยมือ

Accuracy : +45 -35 วินาทีต่อวัน

Power Reserve : 41 ชั่วโมง

Water Resistance : 200 เมตร

Case Material : สเตนเลสสตีล

Case Size : 45 มิลลิเมตร

Glass Material : กระจกแซฟไฟร์

ราคา  : 27,800 บาท

CENTRAL : YAK WAT CHANG (SRPH42K, SRPH44K)

Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition

ภาคกลาง  : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)

จากตำนานเรื่องเล่าของ “ทศกัณฐ์” และ “สหัสเดชะ”

ประติมากรรมยักษ์ 2 ตน ผู้ยืนเฝ้าทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณ ตำนานเรื่องเล่าแห่งท่าเตียน

โดยมีเรื่องที่เล่าปากต่อปากกันมาว่า บริเวณท่าเตียนอันเป็นพื้นที่โล่งเตียนนั้น เป็นผลจากการต่อสู้ของ “ยักษ์วัดแจ้ง” กับ “ยักษ์วัดโพธิ์” ซึ่งเคยเป็นเพื่อนรักกัน แต่เกิดความขัดแย้งจนทะเลาะและเกิดการต่อสู้กัน จนทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกยักษ์ทั้งสองเหยียบย่ำจนล้มตายลงหมด  บริเวณนั้นจึงราบเรียบเป็นหน้ากลองกลายเป็นสถานที่ที่โล่งเตียนไปหมด จนเป็นที่มาของชื่อ “ท่าเตียน” ในปัจจุบัน

เรื่องเล่าที่สนุกสนานประทับใจในวัยเด็กของยักษ์ 2 ตนถูกนำมาเป็นไอเดียต้นแบบให้กับนาฬิกาโมเดลที่แฟนๆเรียกกันว่า “ซามูไร” จากรูปทรงของตัวเรือนที่เฉียบคม โดยรุ่น “ยักษ์” ของภาคกลางนั้น ถูกผลิตออกมาด้วยกัน 2 เรือน ตามต้นแบบคือ

สหัสเดชะ(ยักษ์กายสีขาว)

 “สหัสเดชะ” (ยักษ์กายสีขาว) ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Seiko Prospex รหัส SRPH42K หน้าปัดสีขาว
แพทเทิร์นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบสามมิติเหมือนผิวกายประติมากรรมของยักษ์ที่ถูกตกแต่งและประดับประดาด้วยกระเบื้องชิ้นเล็กๆอย่างปราณีต ขอบหน้าปัดสีแดงเหมือนสีริมฝีปากของยักษ์ ขอบเซรามิกสีดำพิมพ์สเกลสีขาวล้อมกรอบสีทองเหมือนดั่งมงกุฎชัย
ชุดเข็มตกแต่งด้วยสีทองสื่อถึงดินแดนแห่งสุวรรณภูมิ หรือ ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์

ทศกัณฑ์ (ยักษ์กายสีเขียว)
“ทศกัณฐ์” (ยักษ์กายเขียว) เป็นแรงบันดาลใจของ Seiko Prospex รหัส SRPH44K หน้าปัดสีเขียวแพทเทิร์นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบสามมิติเลียนแบบผิวกายของยักษ์ที่ถูกประดับด้วยชิ้นกระเบื้องสวยงามปราณีต ขอบหน้าปัดสีแดงเหมือนสีของริมฝีปากของยักษ์ ขอบเซรามิกสีดำพิมพ์สเกลสีเขียวล้อมกรอบสีทองเหมือนดั่งมงกุฏจีน ชุดเข็มสีทองตัดกับเข็มวินาทีสีแดงเพิ่มความหรูหรา

โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นฝาหลังประทับสัญลักษณ์รูป “ยักษ์” พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน
โดยแบ่งผลิตในรหัส SRPH44K สีเขียวจำนวน 996 เรือน และ SRPH42K สีขาว จำนวน 995 เรือน รวม 1,991 เรือน
ตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่ ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์รูป “ยักษ์สีทอง” พร้อมสายยางคุณภาพสีดำและเขียว โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน มีนาคม 2565 สนนราคาเรือนละ 27,800 บาท

SRPH42K
[Caliber 4R35]

Limited edition จำนวน 995  เรือน

พร้อมวางจำหน่ายในเดือน มีนาคม  2565

ข้อมูลทางเทคนิค : Seiko SRPH42K, SRPH44K

Calibre : 4R35 อัตโนมัติ สามารถขึ้นลานได้ด้วยมือ

Accuracy : +45 -35 วินาทีต่อวัน

Power Reserve : 41 ชั่วโมง

Water Resistance : 200 เมตร

Case Material : สเตนเลสสตีล

Case Size : 43.8 มิลลิเมตร

Glass Material : กระจกแซฟไฟร์

ราคา  : 27,800 บาท

SRPH44K
[Caliber 4R35]

Limited edition จำนวน 996 เรือน

พร้อมวางจำหน่ายในเดือน มีนาคม  2565

*ในผลิตภัณฑ์จริง รายละเอียดบางส่วนและสีผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างจากรูปภาพ

Seiko Real Thai Collection
Inspired from Thai culture in 4 regions
เฉลิมฉลองครบรอบความสําเร็จ 30 ปี บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) อย่างยิ่งใหญ่
กับโมเดลสุดเอกซ์คลูซีฟแห่งปี ไซโก “เรียลไทย” คอลเลคชั่น
แรงบันดาลใจจากวัฒนธรรมไทยใน 4 ภูมิภาค
อาจพูดได้ว่า “ไซโก” เป็นคําที่คุ้นหูมาตั้งแต่สมัยที่เริ่มจำความได้ เพราะเป็นหนึ่งในนาฬิกาที่อยู่คู่คนไทยมาทุกยุค ทุกสมัย SEIKO เป็นภาษาญี่ปุน ที่แปลว่า “นาที” “ความดีเยี่ยม” และ “ความสําเร็จ” โดย SEIKO เป็นชื่อแบรนด์นาฬิกาสัญชาติ ญี่ปุ่นที่สร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการนาฬิกา จนประวัติศาสตร์ต้องบันทึกไว้ เพราะเป็นแบรนด์นาฬิกาข้อมือแบรนด์แรกของญี่ปุ่นที่ริเริ่มผลิต นาฬิกาควอตซ์จนทําให้เกิดยคุ Quartz Crisis และเป็นแบรนด์ที่ผลิตนาฬิกาดําน้ำ ไทเทเนียมรุ่นแรกของโลก รวมถึงนวัตกรรมอื่นๆอีกมากมาย 
ไซโก นั้นไม่ได้เป็นแค่โรงงานผลิตนาฬิกา แต่เป็น House of Watchmaking ที่ผลิตทุกชิ้นส่วนของนาฬิกาด้วยแบรนด์เองและมีช่างผู้ชำนาญการที่ใส่ใจทุกรายละเอียดของนาฬิกาซึ่งเป็นดังงานฝีมือชั้นเยี่ยมและยังคงยึดถือตลอดมา แม้ในปัจจุบัน จะมีนาฬิกาแบรนด์อื่นๆเกิดขึ้นอย่างมากมาย แต่ Seiko ยังยึดคติ Keep Going Forward ซึ่งหมายถึงการไม่หยุดพัฒนาและก้าวต่อไปอยู่เสมอ โดยในปี 2021 นี้ แบรนด์ Seiko ในระดับ Global เองยังได้เฉลิมฉลองเนื่องในโอกาส ครบ 140 ปี และมีรุ่นพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นจากรุ่นที่โด่งดังในตำนานเพื่อย้อนระลึกถึงความสำเร็จในช่วงเวลาที่ผ่านมาหลากหลายรุ่นด้วยกัน
ปี 2021 นี้ ไม่เพียงแต่เป็นโอกาสพิเศษของแบรนด์คุณภาพจากญี่ปุ่นที่เดินทางมาครบรอบ 140 ปีเท่านั้น เพราะสำหรับ ไซโก ประเทศไทย เองก็ถือเป็น “ช่วงเวลาพิเศษ” เช่นกัน โดยในปี 2564 หรือ ปี 2021 นั้น ถือเป็นโอกาสพิเศษที่ บริษัท ไซโก (ประเทศไทย) จำกัด ได้ครบรอบการดำเนินกิจการในเมืองไทยมาครบ 30 ปีเช่นกัน หากใครเป็นแฟนไซโกกันมาตั้งแต่ยุคต้นๆที่เริ่มเข้ามาทำตลาดในประเทศไทยนั้นต้องขอบอกคำเดียวเลยว่าการเปลี่ยนแปลงระหว่าง 30 ปีที่ผ่านมา เป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่มากสำหรับวงการนาฬิกาในประเทศไทย

Seiko Real Thai Collection
ความเป็นไทย ที่ภูมิใจนำเสนอ

ความพิเศษที่รังสรรค์ขึ้นในปี 2021 นี้ ก็เพื่อขอบคุณแฟนๆชาวไทยในทุกภูมิภาคของประเทศไทยที่ให้การสนับสนุนผลิตภัณฑ์ นาฬิกา ไซโก และสินค้าในเครือด้วยดีเสมอมา เพราะหลากหลายความสำเร็จที่ทำให้สินค้า โดยเฉพาะ Thailand Limited Edition  เป็นที่จดจำและโด่งดังไปทั่วโลกนั้น ส่วนสำคัญเกิดขึ้นจากกระแสตอบรับเป็นอย่างดีจากแฟนๆและนักสะสมชาวไทยที่ทำให้เกิดกระแส และได้รับการยอมรับจนโด่งดังไปทั่วโลก ยกตัวอย่างจากความสำเร็จในอดีต เช่น Seiko Prospex รุ่นที่นักสะสมชาวไทยขนานนามว่า “ไซโก มอนสเตอร์” หรือ “ไซโก ซี มอนสเตอร์” ปีศาจที่มีชื่อที่เรียกติดปากไปทั่วโลกจากแฟนๆชาวไทยจนญี่ปุ่นนำกลับมาผลิตเป็น โมเดลหลักและวางขายจนถึง ณ ปัจจุบัน หรือแม้รุ่นที่ได้รับแรงบันดาลใจมาจากนักเดินทางแห่งท้องทะเลอย่าง Seiko Prospex  Zimbe Limited Edition หรือ ฉลามวาฬ ก็เป็นรุ่นที่มีชื่อเสียงโด่งดังรุ่นต่อๆมาที่นักสะสมนาฬิกาทั่วโลกต่างชื่นชมและอยากมีไว้ในครอบครอง และหากยังไม่นับถึง ไทยแลนด์ ลิมิเตด เอดิชั่น รุ่นอื่นๆ ที่หลายๆตัวก็ถูกพูดถึงอยู่ไม่น้อย
ISAN : PHI TA KHON (SPB247J)
Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition
ภาคอีสาน (ตะวันออกเฉียงเหนือ): ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
จากเทศกาลงานบุญอันโด่งดังและมีเอกลักษณ์ของภาคอิสาน รังสรรค์เป็นชิ้นงาน ที่สะท้อนสีสันแห่งวัฒนธรรม “ผีตาโขน”
“อีสานบ้านเฮา” ถิ่นกำเนิดของเทศกาลประเพณีแห่ “ผีตาโขน” เป็นหนึ่งในงานบุญประเพณีใหญ่ที่เรียกว่า “งานบุญหลวง” หรือ “บุญผะเหวด” เล่ากันว่าเทศกาลนี้ได้รับอิทธิพลมาจาก “มหาเวสสันดรชาดก” เกิดขึ้นเมื่อครั้งที่พระเวสสันดรและนางมัทรี
จะเดินทางออกจากป่ากลับสู่เมือง เหล่าผีป่าและสัตว์นานาชนิดอาลัยรักจึงพาแห่แหนแฝงตัวแฝงตน มากับชาวบ้านเพื่อมาส่งทั้งสองพระองค์กลับเมือง เรียกกันว่า “ผีตามคน” หรือ “ผีตาขน” จนเพี้ยนกลายมาเป็น “ผีตาโขน” ในปัจจุบัน โดยถือเป็นประเพณีที่จะจัดขึ้นทุกปีที่พระธาตุศรีสองรัก ปูชนียสถานสำคัญของชาวด่านซ้าย จังหวัดเลย จนมีชื่อเสียงไปทั่วโลก
  ด้วยความมีเอกลัษณ์ของเทศกาลนี้จึงเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการนำสีสันของเครื่องแต่งกายผีตาโขนมาออกแบบตกแต่ง นาฬิการุ่นพิเศษบนตัวเรือนแบบ “ซูโม่”  ซึ่งเป็นรุ่นบุกเบิกของโมเดลที่ผลิตในญี่ปุ่นและนำเข้ามาจำหน่ายในเมืองไทยเป็นรุ่นแรกๆ โดยให้สีสันขอบตัวเรือนสีดำแดงตัดกับ สเกลและหลักชั่วโมงสีทองที่ได้รับแรงบันดาลใจตามสีสันของหน้ากากและเครื่องแต่งกายของ ผีตาโขน
แพทเทิร์นหน้าปัดแบบพิเศษที่มีเส้นสายเหมือนลวดลายของงานหัตถกรรมเครื่องจักรสาน ฝาหลังประทับสัญลักษณ์ลวดลายของหน้ากากผีตาโขน พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือนที่ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่สีแดงเข้ม
ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ “หน้ากากผีตาโขนสีทอง”
พร้อมสายยางคุณภาพ โดยเริ่มวางจำหน่ายในวันที่ 28 สิงหาคม 2564 นี้  สนนราคา 39,800 บาท
SPB247J
[Caliber 6R35]
Limited edition จำนวน 1,991 เรือน
วางจำหน่ายแล้ววันนี้
SOUTH : NUNG TA  LUNG (SRPG55K)
Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition
ภาคใต้  : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
ความสวยงามของท้องทะเลไทย ที่โด่งดังไกลไปทั่วโลกอัตลักษณ์และศิลปะวัฒนธรรมจาก “หนังตะลุง”เมืองใต้
ความสวยงามของท้องทะเลไทย เป็นอีกหนึ่งความได้เปรียบที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวจากทั่วโลก โดยเฉพาะความสวยงามของท้องทะเลทางภาคใต้ที่เคยเผยโฉมแม้ภาพยนตร์ระดับฮอลลีวูดมาแล้วหลายต่อหลายเรื่อง ผนวกกับหนึ่งในมหรสพที่เป็นศิลปะวัฒนธรรมการแสดงท้องถิ่นอันเป็นเอกลักษณ์ของภาคใต้ บอกเล่าและขับร้องเป็นสำเนียงท้องถิ่น และใช้การแสดงเงาฉายไปบนจอผ้า อย่างหนังตะลุงที่ทำให้เกิดความสนุกสนานพร้อมตัวละครดังอย่าง “อ้ายเท่ง”
ทั้งความโดดเด่นทางด้านภูมิทัศน์ และวัฒนธรรมที่น่าสนใจเกิดเป็นแรงบันดาลใจในการสร้างสรรค์นาฬิกาไซโก ภายใต้รหัส SRPG55K ที่เลือกใช้สีน้ำเงินและฟ้าครามของท้องทะเลทางภาคใต้มาเป็นสีหลัก บนตัวเรือนท๊อปฮิตที่แฟนๆขนานนามว่า “มอนสเตอร์” หน้าปัดแบบซันเรย์มีการเล่นเหลือบแสงเงาสีสันของน้ำทะเลในวันฟ้าใสสะท้อนตา ชุดเข็มประดับสีทองเพิ่มความหรูหรา ฝาหลังประทับสัญลักษณ์ตัวละครเด่นของหนังตะลุงเอาไว้ พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน และผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือน ตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
SRPG55K
[Caliber 4R36]
Limited edition จำนวน 1,991 เรือน
วางจำหน่ายแล้ววันนี้
จำนวนจำกัด
NORTH : KHOM YEE PENG (SRPH35K)

Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary
Limited Edition
ภาคเหนือ  : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
ตระการตาด้วยความสวยงามของโคมลอยนับพันบนท้องฟ้า ในงานประเพณี “ยี่เป็ง” ณ แดนดินถิ่นล้านนา
“สวัสดีเจ้า” คือคำทักทายในภาษาเหนือที่มีความอ่อนช้อยและจัดว่าไพเราะที่สุดในบรรดาภาษาพื้นเมืองทั้งหมดก็ว่าได้ ในทางเหนือนั้นจะมีเทศกาลหนึ่งที่มีเอกลักษณ์และความน่าสนใจโดยเฉพาะตัว อย่างงานประเพณีที่เรียกว่า “ยี่เป็ง” หรือเรียกว่า “ประเพณีเดือนยี่” ของชาวล้านนา เทศกาลที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวให้แวะเวียนไปถึงทางเหนือของประเทศไทยทุกๆ ปี เทศกาลนี้เป็นการลอยกระทงแบบล้านนาในคืนพระจันทร์เต็มดวง ซึ่งเชื่อว่าการปล่อยโคมลอยนั้นเป็นการบูชาพระเกตุแก้วจุฬามณีบนสรวงสวรรค์ชั้นดาวดึงส์ หรือบ้างก็เชื่อว่าเป็นการลอยเคราะห์ หรือสะเดาะเคราะห์ ให้เกิดความเป็นมงคลแก่ชีวิต ซึ่งคำว่า ยี่ แปลว่า สอง และเป็ง หมายถึง เพ็ญ หรือพระจันทร์เต็มดวงนั่นเอง
ความสวยงามของโคมนับพันบนท้องฟ้าในคืนวันเพ็ญนั้น ถูกนำมาถ่ายทอดลงบนนาฬิกา Seiko King Turtle หรือตัวเรือนที่มีรูปทรงเหมือนกระดอง  “เต่า” หน้าปัดทรงกลมคือตัวแทนของโคมลอยที่มีลักษณะโค้งมน ภายใต้รหัส SRPH35K ขอบหน้าตัวเรือนแบบเซรามิกสีดำรับกับสเกลสีส้มและสีครีมดูตัดกันอย่างกลมกลืน หน้าปัดเล่นระดับการไล่สีส้มกลืนไปกับขอบสีดำ สื่อถึงความสวยงามของแสงไฟในโคมลอยบนท้องฟ้าในคืนวันเพ็ญ ฝาหลังประทับสัญลักษณ์รูปโคมล้านนา พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน ผลิตจำนวนจำกัดเพียง 1,991 เรือนตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย
มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่น้ำเงินเข้ม ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์ ”โคมล้านนา” สีทอง พร้อมสายยางคุณภาพสีส้ม โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน ธันวาคม 2564 นี้ สนนราคาราว 27,800 บาท
SRPH35K
[Caliber 4R36]
Limited edition จำนวน 1,991 เรือน
วางจำหน่ายแล้ววันนี้
จำนวนจำกัด
CENTRAL : YAK WAT CHANG (SRPH42K, SRPH44K)
Prospex : Seiko Thailand 30th Anniversary Limited Edition
ภาคกลาง  : ไซโก พรอสเปกซ์ รุ่นฉลองครบรอบ 30 ปี ไซโก (ประเทศไทย)
จากตำนานเรื่องเล่าของ “ทศกัณฐ์”
และ “สหัสเดชะ”
ประติมากรรมยักษ์ 2 ตน ผู้ยืนเฝ้าทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณ ตำนานเรื่องเล่าแห่งท่าเตียน
สำหรับภาคกลางนั้นสถานที่ท่องเที่ยวที่สำคัญที่ทั้งชาวไทยและชาวต่างประเทศมักจะไปเยือนและถือโอกาสได้ไปชมศิลปะและประติมากรรมแบบไทย ก็คงจะหนีไม่พ้นพระราชวังหรือ อารามระดับวัดหลวง โดยเฉพาะ “วัดแจ้ง” หรือ “วัดอรุณราชวรารามวรมหาวิหาร” ที่เปรียบดั่งแลนด์มาร์คสำคัญของกรุงเทพหรือบางกอกที่ตั้งตระหง่านอยู่ริมแม่น้ำเจ้าพระยา วัดอรุณ
มีความสวยงามในเรื่องของพระปรางค์ประธานที่มีขนาดใหญ่สูงเสียดฟ้า และยิ่งสะท้อนความสวยงามดึงดูดสายตาของผู้คน
เมื่ออาทิตย์อัสดง
ซึ่งนอกเหนือจากความสวยงามของพระปรางค์แล้ว ยังมีตำนาน เรื่องเล่าแห่งท่าเตียน โดยตัวเอกของเรื่องเล่าในวัยเด็ก ที่เราเคยได้ฟังนั้นคงหนีไม่พ้นยักษ์ 2 ตนที่เป็นประติมากรรมที่สำคัญของวัด ผู้รับหน้าที่เฝ้าซุ้มยอดมงกุฎทางเข้าพระอุโบสถวัดอรุณซึ่ง เป็นผลงานประติมากรรมที่มีทั้งความสวยงามและความแข็งแกร่งน่าเกรงขาม
โดยมีเรื่องที่เล่าปากต่อปากกันมาว่า บริเวณท่าเตียนอันเป็นพื้นที่โล่งเตียนนั้น เป็นผลจากการต่อสู้ของ “ยักษ์วัดแจ้ง” กับ “ยักษ์วัดโพธิ์” ซึ่งเคยเป็นเพื่อนรักกัน แต่เกิดความขัดแย้งจนทะเลาะและเกิดการต่อสู้กัน จนทำให้ต้นไม้ในบริเวณนั้นถูกยักษ์ทั้งสองเหยียบย่ำจนล้มตายลงหมด  บริเวณนั้นจึงราบเรียบเป็นหน้ากลองกลายเป็นสถานที่ที่โล่งเตียนไปหมด จนเป็นที่มาของชื่อ “ท่าเตียน” ในปัจจุบัน
เรื่องเล่าที่สนุกสนานประทับใจในวัยเด็กของยักษ์ 2 ตนถูกนำมาเป็นไอเดียต้นแบบให้กับนาฬิกาโมเดลที่แฟนๆเรียกกันว่า “ซามูไร” จากรูปทรงของตัวเรือนที่เฉียบคม โดยรุ่น “ยักษ์” ของภาคกลางนั้น ถูกผลิตออกมาด้วยกัน 2 เรือน ตามต้นแบบคือ
สหัสเดชะ(ยักษ์กายสีขาว)
 “สหัสเดชะ” (ยักษ์กายสีขาว) ถูกนำมาเป็นแรงบันดาลใจให้กับ Seiko Prospex รหัส SRPH42K หน้าปัดสีขาว
แพทเทิร์นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบสามมิติเหมือนผิวกายประติมากรรมของยักษ์ที่ถูกตกแต่งและประดับประดาด้วยกระเบื้องชิ้นเล็กๆอย่างปราณีต ขอบหน้าปัดสีแดงเหมือนสีริมฝีปากของยักษ์ ขอบเซรามิกสีดำพิมพ์สเกลสีขาวล้อมกรอบสีทองเหมือนดั่งมงกุฎชัย
ชุดเข็มตกแต่งด้วยสีทองสื่อถึงดินแดนแห่งสุวรรณภูมิ หรือ ดินแดนอันอุดมสมบูรณ์
ทศกัณฑ์ (ยักษ์กายสีเขียว)
 “ทศกัณฐ์” (ยักษ์กายเขียว) เป็นแรงบันดาลใจของ Seiko Prospex รหัส SRPH44K หน้าปัดสีเขียวแพทเทิร์นสี่เหลี่ยมจัตุรัสแบบสามมิติเลียนแบบผิวกายของยักษ์ที่ถูกประดับด้วยชิ้นกระเบื้องสวยงามปราณีต ขอบหน้าปัดสีแดงเหมือนสีของริมฝีปากของยักษ์ ขอบเซรามิกสีดำพิมพ์สเกลสีเขียวล้อมกรอบสีทองเหมือนดั่งมงกุฏจีน ชุดเข็มสีทองตัดกับเข็มวินาทีสีแดงเพิ่มความหรูหรา
โดยนาฬิกาทั้งสองรุ่นฝาหลังประทับสัญลักษณ์รูป “ยักษ์” พร้อมระบุหมายเลขประจำตัวเรือน
โดยแบ่งผลิตในรหัส SRPH44K สีเขียวจำนวน 996 เรือน และ SRPH42K สีขาว จำนวน 995 เรือน รวม 1,991 เรือน
ตามปีที่เริ่มจดทะเบียนอย่างเป็นทางการในประเทศไทย มาพร้อมบรรจุภัณฑ์ออกแบบลวดลายตามคอนเซปต์ กล่องกำมะหยี่ ประทับตราสัญลักษณ์โลโก้ Seiko Thailand 30th Anniversary และ สัญลักษณ์รูป “ยักษ์สีทอง” พร้อมสายยางคุณภาพสีดำและเขียว โดยมีแผนวางจำหน่ายราวเดือน มีนาคม 2565 สนนราคาเรือนละ 27,800 บาท
SRPH42K
[Caliber 4R35]
Limited edition จำนวน 995  เรือน
พร้อมวางจำหน่ายในเดือน มีนาคม  2565
SRPH44K
[Caliber 4R35]
Limited edition จำนวน 996 เรือน
พร้อมวางจำหน่ายในเดือน มีนาคม  2565
*ในผลิตภัณฑ์จริง รายละเอียดบางส่วนและสีผลิตภัณฑ์อาจแตกต่างจากรูปภาพ